เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ของเราเข้าทอดสมอในกรุงจาการ์ตา และได้รับการต้อนรับจากประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโนและครอบครัวพร้อมทั้งคณะรัฐมนตรี สำหรับผมแล้ว มันเป็นชั่วขณะที่หายเหนื่อยจากการทำงานตลอดทั้งปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่เราต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาลที่จะบรรลุผลในการรณรงค์ปกป้องสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คำปราศรัยของประธานาธิบดีในวันนั้น ท่านกล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้าต้องการให้คำยืนยันต่อหลานๆของข้าพเจ้าว่า พวกเขาจะได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและเป็นสุขในอนาคต”
นี่คือวิสัยทัศน์ที่กรีนพีซยึดมั่น และเป็นวิสัยทัศน์เดียวกับทุกท่านที่ยังคงให้การสนับสนุนเรามาตลอดบนเส้นทางนี้ วิสัยทัศน์นี้ยังได้สะท้อนถึงการทำงานที่บรรลุผลในปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับงานรณรงค์และองค์กรของเราทั้งปวง
กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประวัติการทำงานรณรงค์ที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวเนื่องกับผู้คนในภูมิภาค แต่เรายังให้การสนับสนุนเป้าหมายการรณรงค์ของกรีนพีซในระดับโลก ความสำเร็จของงานรณรงค์ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ทั้งระดับท้องถิ่น ระดับประเทศและทั่วทั้งภูมิภาคเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพของกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดีว่ามีผลสะเทือนอย่างสูงต่อรัฐบาลในภูมิภาคนี้และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านสิ่งแวดล้อม รายงานประจำปีฉบับนี้อธิบายโดยสรุปถึงความสำเร็จของการรณรงค์ที่เราร่วมกันทำให้เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
ในเวลาเดียวกัน ปี 2556 ยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในฐานะองค์กร เมื่อกลางปี 2556 เราเริ่มกระบวนการวางแผนโครงการ 3 ปี สำหรับแผนงานปี 2557-2559 การดำเนินการตามแผนนี้เป็นสิ่งเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ Operation Model หรือแบบร่างแผนปฏิบัติการของกรีนพีซทั่วโลก
แบบร่างแผนปฏิบัติการทั่วโลกฉบับใหม่นี้เป็นแผนงานยุทธศาสตร์ที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างถ่องแท้ของโลกในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วภูมิศาสตร์การเมืองไปสู่โลกใหม่ที่มีมากกว่าสองขั้วที่การควบรวมเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโลก แม้ว่ามันได้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อศักยภาพของโลกในการเอื้อต่อการดำรงชีวิต
ร่างแผนปฏิบัติการฉบับใหม่นี้ยังหมายรวมถึงผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ของการสื่อสารดิจิทัลซึ่งปัจจุบันได้ครอบคลุมถึงการเมืองในระดับโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นนอกจากจะเป็นศูนย์กลางของแนวโน้มทั้งสองเหล่านี้ ยังเป็นภูมิภาคที่เป็นทั้งต้นตอและได้รับผลกระทบจากความล่มสลายทางสิ่งแวดล้อม ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงเป็นสมรภูมิที่กำหนดชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในการการต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของโลก
ประเด็นเหล่านี้เป็นนัยการทำงานสำคัญระดับโลกของเราในภูมิภาคนี้ กระบวนการทางเศรษฐกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคจึงต้องสัมพันธ์กับนโยบายทางสิ่งแวดล้อมที่จริงจังเพื่อรับประกันถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อคนในรุ่นเราและรุ่นต่อไป
นั่นหมายถึงว่า ในปีต่อๆไป กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังคงมีบทบาทเป็นผู้นำในการวางแผนและลงมือทำให้โครงการต่างๆของกรีนพีซทั่วโลกบังเกิดผล และเพื่อให้บรรลุผลตามนี้ แผนงานที่เราพัฒนาขึ้นเมื่อปี 2556 ได้กำหนดเป้าหมายที่มุ่งมั่นและจำกัดความใหม่ถึงวิธีที่กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีส่วนช่วยให้มโนภาพของอนาคตสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่และสันติสุขเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะเมื่อเราปรับโครงสร้างการปฏิบัติงานของเราเพื่อให้แน่ใจได้ว่ามีความเหมาะสมกับการสานต่องานรณรงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ในห้วงเวลาที่เราให้ความสำคัญมากกับ “พลังของประชาชน”
เราเชื่ออย่างแรงกล้าว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนและการให้อำนาจประชาชนเพื่อมีส่วนร่วมในประเด็นสิ่งแวดล้อมจะส่งผลต่องานรณรงค์ของเรามากที่สุดและยั่งยืนที่สุดทั้งต่องานในพื้นที่และในระดับนโยบาย
วิสัยทัศน์ของเรายังคงอยู่ที่หัวใจของการเปลี่ยนผ่านนี้ เมื่อผมได้มองย้อนกลับไปด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จต่างๆในปีที่ผ่านมาหรือเมื่อทศวรรษที่ผ่านไป ผมจึงเฝ้ามองในแง่ดีถึงทิศทางการทำงานของเราในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ขณะที่คุณและผมอ่านสาส์นอยู่นี้ การทำลายสิ่งแวดล้อมยังคงดำเนินอยู่ เป็นอันตรายต่ออนาคตของลูกหลานและภูมิภาคของเรา งานที่รอเราอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก และเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะทำให้ชัยชนะของสิ่งแวดล้อมบนโลกนี้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น
แต่ด้วยพละกำลังของการเริ่มต้นใหม่ การรณรงค์ที่เข้มแข็งและพลังประชาชน ผมมั่นใจว่า เราสามารถบรรลุถึงวิสัยทัศน์ที่เรามีร่วมกันได้
เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสังคมมนุษย์ที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมในโลกและข้อจำกัดเชิงนิเวศ
กรีนพีซมุ่งมั่นสร้างเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่จริงผ่านการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และด้วยวิธีเฉพาะของกรีนพีซเท่านั้น เราใช้พลังในการเปลี่ยนแปลงที่เด็ดขาดและนำเสนอทางออกที่เป็นจริง สะท้อนเสียงของผู้คนที่ต้องการสร้างโลกที่มีสิ่งแวดล้อมค้ำจุนวิถีชีวิตในปัจจุบันและคนรุ่นต่อไป
ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำและมหาสมุทรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนนับล้าน รวมถึงเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของต้นไม้ พืช นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกหลายพันชนิด ในวันนี้ สัตว์ป่าและพรรณพืชจำนวนมากกำลังถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า มลภาวะ และเกษตรอุตสาหกรรมที่ไม่ยั่งยืน ภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็วและความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสิ่งที่แลกมาด้วยต้นทุนที่สูงลิบลิ่ว
ภารกิจของเราในภูมิภาคในช่วง 13 ปีที่ผ่านมายังคงมีเป้าประสงค์เช่นเดิม เรามุ่งมั่นที่จะคุ้มครองสิทธิของสิ่งแวดล้อม เปิดโปงและหยุดยั้งอาชญากรรมสิ่งแวดล้อม และผลักดันการพัฒนาที่สะอาด
โครงการของเราในภูมิภาคได้วางอยู่บนการวิเคราะห์วิกฤตการณ์และแม่แบบในการตอบสนองและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การรณรงค์เพื่อมุ่งสู่อนาคตของสิ่งแวดล้อมที่แท้จริงและมีสันติภาพ
เรามุ่งปกป้องภูมิภาคนี้จากความล่มสลายด้านระบบนิเวศและเป็นผู้สร้างความตระหนักรู้และการลงมือกระทำเพื่อประโยชน์แห่งการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้วยการสนับสนุนอย่างแข็งขันและเติบโตขึ้นของทั้งผู้บริจาคเงินรายบุคคล นักกิจกรรมออนไลน์ อาสาสมัคร เครือข่ายชุมชน กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ที่อุทิศตนเอง เรากำลังร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนอย่างเห็นผลเพื่อประชาชนในภูมิภาค
ปกป้องป่าดึกดำบรรพ์ของโลก
สัตว์ป่า พรรณพืช และชุมชนที่มีวิถีชีวิตพึ่งพิงผืนป่า
ปฏิวัติพลังงาน
เพื่อรับมือกับภัยคุกคามของโลก นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ปกป้องทะเลและมหาสมุทร
ด้วยการยุติประมงทำลายล้าง โดยสร้างเครือข่ายปกป้องมหาสมุทรในระดับโลก
สร้างสรรค์อนาคตที่ปลอดสารพิษ
ด้วยทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสารเคมีเป็นพิษในผลิตภัณฑ์และการผลิต
สนับสนุนเกษตรกรรมยั่งยืน
ด้วยการปฏิเสธพืชดัดแปลงพันธุกรรม ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและสนับสนุนเกษตรกรรมที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
งานของเราถูกกำหนดแนวทางด้วยคุณค่าหลักปฏิบัติของการไม่ใช้ความรุนแรง การดำรงไว้ซึ่งความเป็นอิสระทางการเงิน การเผชิญหน้าและพลังของการปฏิบัติร่วมกัน
วิสัยทัศน์ระดับโลกในแผนงานระยะยาวเป็นตัวกำหนดแนวทางของแผนระยะสั้น อันประกอบด้วยแผนงานรณรงค์สามปี แผนริเริ่มและเป้าหมาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อบรรลุเป้าประสงค์อย่างมีชั้นเชิง เมื่อปี 2556 เรารวมแผนโครงการปี 2554-2556 และเริ่มเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ร่างแผนปฏิบัติการระดับโลกฉบับใหม่ เพื่อให้กรีนพีซตอบสนองต่อการคุกคามทางสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเปลี่ยนผ่านนี้จะมุ่งแก้ไขปัญหาใหญ่ใน 7 ประเด็นเพื่อให้แน่ใจได้ว่า องค์กรของเรามีประสิทธิภาพ มีความสอดคล้องสัมพันธ์ และมีความน่าเชื่อถือ 7 ประเด็นที่เรามุ่งพัฒนาได้แก่ แผนงาน (Program) การเติบโต (Growth) การทำงานกับสาธารณชน (Engagement) การพัฒนาระดับภูมิภาค (Regional Development) ความจัดองค์กร(Organization) มาตรฐาน(Standards) และบุคลากร (People)
เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์เหล่านี้นำพาให้กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้นำและทำให้แผนงานระดับโลกได้บรรลุผล เช่นเดียวกับการตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่ยิ่งใหญ่มากกว่าในการใช้พลังความเข้มแข็งอย่างมหาศาลของเรา นั่นคือ ผู้สนับสนุนและปฏิบัติการของพวกเขาในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
กรีนพีซทำงานปกป้องสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสันติภาพโดยการวิจัยเชิงสืบสวน การเปิดโปง และเผชิญหน้ากับการทำลายล้างสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเสนอทางออกที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
ตลอดปี 2556 กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำงานรณรงค์ในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันการพัฒนาที่ก้าวข้ามพ้นพลังงานสกปรกและสนับสนุนการลงทุนพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดซึ่งเป็นทางออกที่สำคัญต่อการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความก้าวหน้าในงานรณรงค์ของเรายังรวมถึงการยุติการทำลายป่าไม้โบราณในอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการตัดไม้ทำลายป่าสูงสุดของโลกประเทศหนึ่ง
ทั้งนี้ งานรณรงค์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและด้านการปกป้องป่าไม้เป็นงานที่มีความสำคัญเร่งด่วนเป็นอันดับต้น เนื่องด้วยโลกเราต้องบรรลุเป้าหมายในการหยุดการเพิ่มขึ้นของปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2558 และต้องทำให้ลดลงหลังจากปีดังกล่าว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากจุดวิกฤตและผลกระทบที่ไม่อาจคาดคะเนได้ ในการที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น โลกจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงาน หรือเรียกว่า “การปฏิวัติพลังงาน” กล่าวคือ เปลี่ยนจากการเน้นใช้พลังงานจากเชื่อเพลิงฟอสซิลและนิวเคลียร์มาสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการยุติการตัดไม้ทำลายป่า แนวทางดังกล่าวนี้จะเป็นหนทางเดียวที่จะสามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ และยังสามารถสร้างสังคมให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นธรรมได้ไปพร้อมกัน
เราริเริ่มโครงการรณรงค์ปกป้องมหาสมุทรและทะเลในภูมิภาคในปีที่ผ่านมา เริ่มต้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ในปี พ.ศ. 2555 และปีต่อมาในไทยและอินโดนีเซีย โดยหยิบยกความสำคัญของทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพและเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญลำดับต้นของโลกที่กำลังถูกทำลายจากอุตสาหกรรมประมงที่ผิดกฏหมายและมีลักษณะทำลายล้าง งานที่สำคัญในการปกป้องมหาสมุทรและทะเลนี้คือการยุติการทำประมงเกินขนาดและประมงทำลายล้าง ขณะเดียวกันการขยายพื้นที่ปกป้องทางธรรมชาติทางทะเลที่ควรสงวนไว้ไม่ให้มนุษย์เข้ามารบกวนตักตวงทำลาย
ในขณะที่งานรณรงค์ด้านการดัดแปลงพันธุกรรมสิ่งมีชีวิต (GMOs) ก็ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยยังมีความพยายามนำพืชจีเอ็มโอมาใช้ปลูกเป็นพืชอาหารอย่างแพร่หลาย และมีความเสี่ยงการแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เรายังขยายงานรณรงค์ไปสู่การส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนให้กับสังคม โดยงานรณรงค์นี้ได้เน้นการผลักดันให้การทำเกษตรกรรม ที่ปัจจุบันเน้นใช้สารเคมีนั้นก้าวข้ามไปสู่เกษตรกรรมเชิงนิเวศซึ่งเป็นระบบเกษตรกรรมที่ปลอดภัยต่อคนและสิ่งแวดล้อม
สำหรับงานรณรงค์ด้านสารพิษ เรายังคงผลักดันให้โรงงานอุตสากรรมต่างๆ หยุดปล่อยมลพิษลงออกสู่สิ่งแวดล้อม เช่น แหล่งน้ำ โดยต้องมีนโยบายด้านการจัดการสารเคมีที่มุ่งสู่การยุติการใช้สารเคมีอันตรายในกระบวนการผลิต และความโปร่งใสด้านการรายงานข้อมูลสิ่งแวดล้อมต่อสาธารณะ
©Paul Hilton/ Greenpeace
©Athit Perawongmetha/ Greenpeace
©Pat Roque/ Greenpeace
©Steve De Neef/ Greenpeace
© Deden Iman/ Greenpeace
เราเริ่มต้นการทำงานของปีด้วยการเปิดรายงาน “Green jobs” หรือ “การจ้างงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ในฟิลิปปินส์ ซึ่งกล่าวถึงว่าการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวหน้าจะสามารถบรรลุได้ด้วยการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน
ในไทย เราทำงานร่วมกับเครือข่ายคัดค้านถ่านหินที่มีชุมชนผู้ได้รับผลกระทบ ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินชะลอออกไปทั้งในจังหวัดกระบี่ และจังหวัดฉะเชิงเทรา ในกรณีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 600 เมกะวัตต์ จังหวัดฉะเชิงเทรานั้น คณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อมมีมติไม่รับรองรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)
ในอินโดนีเซีย เรายุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลงได้โดยในเดือนตุลาคม ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ลงนามในกฏหมายที่เลื่อนเวลาการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินออกไปอีกหกเดือน
พลังงานหมุนเวียนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในแต่ละประเทศ รัฐบาลอินโดนีเซียออกนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์และลม Feed in Tariff (FiT) และประกาศใช้ในเดือนมีนาคม นโยบายดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอของกรีนพีซที่ระบุไว้ในรายงานการปฏิวัติพลังงานของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ภูมิภาคเรามีส่วนร่วมในการรณรงค์ปกป้องอาร์กติกในระดับโลก โดยมีผู้คนกว่า 38,540 คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้อาร์กติกเป็นพื้นที่คุ้มครองทางธรรมชาติของโลก อาร์กติกเป็นเสมือนหัวใจสำคัญในการรักษาสมดุลของบรรยากาศโลก และการปกป้องอาร์กติกนั้นหมายถึงการปกป้องภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากผลกระทบอันร้ายแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การรณรงค์ปกป้องอาร์กติกในเดือนตุลาคม เป็นผลให้อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่กรีนพีซ 30 คนบนเรืออาร์กติก ซันไรส์ที่ปฏิบัติการหยุดยั้งการขุดเจาะน้ำมันในอาร์กติกต้องถูกจับตัวโดยเจ้าหน้าที่ของรัสเซียและถูกตั้งข้อหาการกระทำอันเป็นโจรสลัด หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้คนทั่วโลกได้ร่วมกันเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว มีการจัดกิจกรรมสัญลักษณ์หน้าสถานทูตรัสเซียในประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เพื่อสื่อสารข้อความ “Free the Artic 30” หรือเรียกร้องเสรีภาพให้กับนักรณรงค์ปกป้องอาร์กติก 30 คนที่ถูกจับกุมจากการประท้วงอย่างสันติที่แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทก๊าซพรอม (Gazprom) บริเวณน่านน้ำของรัสเซีย การรณรงค์โดยประชาชนทั่วโลกดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลาสามเดือน ดารานักแสดงดัง เช่น เซอร์พอล แมคคาร์ทนีย์ มาดอนน่า และจูดลอร์ก็ได้ร่วมรณรงค์เรียกร้องในครั้งนี้ด้วย ในที่สุด ทางการรัสเซียทำการนิรโทษกรรมและปล่อยตัวนักรณรงค์ปกป้องอาร์กติกทั้ง 30 คน
ในเดือนกุมภาพันธ์ ผลจากแรงกดดันของภาคประชาสังคมและสื่อต่างๆ รวมถึงการประท้วงอย่างสันติวิธีโดยกรีนพีซ ในที่สุดเอพีพี (เอเชีย พัลพ์แอนด์ เพเพอร์) หนึ่งในผู้ผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศนโยบายยุติการทำลายป่าไม้ ซึ่งงานรณรงค์ของกรีนพีซส่งผลสะเทือนให้ภาคอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษและการผลิตกระดาษให้มีความรับผิดชอบ โดยการเปิดโปงข้อมูลจากวิจัยเชิงสืบสวนสอบสวนที่พบหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างการทำลายป่าไม้กับอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ และแบรนด์สินค้าระดับโลกที่ใช้บรรจุภัณฑ์จากการทำลายป่า เช่น เอพีพี
ในเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ประกาศขยายการยุติการสัมปทานป่าไม้ออกไปอีกสองปี โดยกรีนพีซมีบทบาทสำคัญร่วมกับเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนในอินโดนีเซียในการทำให้ประกาศนี้มีผลสำเร็จ สามารถปกป้องและพื้นที่ป่าไม้ดั้งเดิมทั้งหมดรวมถึงป่าพรุที่มีความสำคัญทางธรรมชาติ
ในเดือนกรกฎาคม กรีนพีซร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มนวัตกรรมน้ำมันปาล์ม หรือ Palm Oil Innovation Group (POIG) ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมและนักนวัตกรรมด้านการผลิตน้ำมันปาล์ม โดยกลุ่มได้ตั้งเป้าหมายที่จะวางมาตรฐานที่สูงกว่าข้อกำหนดของอุตสาหกรรมในการลดการทำลายป่าไม้จากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน
ในเดือนธันวาคม วิลมาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Wilmar International) ผู้ค้าน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก ออกนโยบายยุติการทำลายป่าไม้ตามข้อเรียกร้องจากภาคประชาสังคม กรีนพีซ และผู้บริโภคทั่วโลก โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา กรีนพีซได้เปิดโปงหลักฐานของวิลมาร์ในการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อวัตถุดิบที่มาจากการตัดไม้ในอุทยานแห่งชาติเพื่อเป็นพื้นที่ปลูกปาล์ม และเกี่ยวข้องกับผู้จัดหาวัตถุดิบที่เผาทำลายป่าในสุมาตรา เผาทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเช่น อุรังอุตังและเสือ การทำลายถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่าได้ส่งผลให้เสือสุมาตราใกล้เข้าสู่การสูญพันธุ์ ข้อมูลหลักฐานดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยอยู่ในรายงาน “License to Kill” หรือ “ใบสั่งฆ่า” โดยหลังจากการเปิดเผยรายงานนี้ได้สองเดือน วิลมาร์ทำการประกาศนโยบายดังกล่าว ซึ่งถือเป็นชัยชนะที่สำคัญของป่าไม้และผู้คนที่อาศัยผืนป่าในการดำรงชีวิต
การรณรงค์ปกป้องทะเลและมหาสมุทร เราเริ่มต้นจากการสร้างจิตสำนึกผ่านความงดงามและอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล และความจำเป็นในการปกป้องทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเลในภูมิภาค โดยชี้ให้เห็นถึงภัยคุกคามหลักของระบบนิเวศทางทะเล เช่น การทำประมงแบบทำลายล้าง และมลพิษ
เรานำเรือธงของกรีนพีซสองลำมาร่วมงานรณรงค์ปกป้องทะเลในภูมิภาค โดยมีเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ เดินทางมายังอินโดนีเซีย และเรือเอสเพอรันซาเดินทางมายังประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ภายใต้การรณรงค์ในโครงการ “พิทักษ์รักษ์ทะเล” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ เดินทางมาถึงอินโดนีเซียในเดือนพฤษภาคม โดยประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน และคณะรัฐมนตรี ให้เกียรติขึ้นมาบนเรือและประกาศให้คำมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมในเดือนมิถุนายนเรือเอสเพอรันซาได้เดินทางมาถึงไทยเพื่อเข้าร่วมรณรงค์ให้ตระหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศทางทะเลในแง่ความมั่นคงทางอาหารและฐานทรัพยากรในการดำรงชีวิตของชุมชน ปัจจุบันทะเลไทยกำลังถูกคุกคามจากการทำประมงที่ผิดกฎหมายและทำลายล้าง เรือเอสเพอรันซาได้ลาดตระเวนทางทะเลร่วมกับเครือข่ายประมงพื้นบ้านในอ่าวไทยและทำงานกับภาคประชาชนเพื่อเรียกร้องให้มีกฎหมายที่เข้มงวดในการปกป้องทรัพยากรทางทะเล ในฟิลิปปินส์ เรือเอสเพอรันซารณรงค์ประเด็นปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำประมงแบบทำลายล้าง และมลพิษที่ทำลายความอุดมสมบูรณ์ของทะเลฟิลิปปินส์
จากการเริ่มโครงการรณรงค์นี้ เราได้รับแรงสนับสนุนจากประชาสังคม ชุมชน และประชาชนทั่วไปอย่างแพร่หลายที่เห็นว่าทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลต้องได้รับการคุ้มครอง
งานรณรงค์ด้านสารพิษในปี พ.ศ. 2556 เปิดเผยถึงปัญหาและหนทางออกที่เชื่อมโยงกันในระดับท้องถิ่นและสากล รายงานกรีนพีซสากล “สารพิษในเสื้อผ้า: สวรรค์ของการก่อมลพิษ” เปิดเผยถึงบริษัทผลิตเสื้อผ้าระดับโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อมลพิษในแม่น้ำ เช่น แม่น้ำซิตารุมในอินโดนีเซีย และแม่น้ำอื่นๆ ที่สำคัญของโลกที่เป็นแหล่งรับจ้างผลิตเสื้อผ้าของแบรนด์เหล่านั้น ในอินโดนีเซีย อุตสาหกรรมฟอกย้อมและสิ่งทอเป็นตัวการสำคัญของการปล่อยมลพิษอุตสาหกรรมในเกาะชวาตะวันตก ซึ่งมากกว่าร้อยละ 68 ของโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่บริเวณตอนบนของแม่น้ำซิตารุมเป็นโรงฟอกย้อมและสิ่งทอ
จากการรณรงค์บนออนไลน์และกิจกรรมที่จัดขึ้นหลายที่ทั่วโลกที่มีผู้สนับสนุนนับแสนคนที่เรียกร้องให้มีการ “ล้างสารพิษ” ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าโดยยุติการใช้สารเคมีอันตรายในกระบวนการผลิต และผลักดันให้รัฐบาลในประเทศผู้ผลิตต้องมีนโยบายที่มุ่งให้อุตสาหกรรมลดการใช้สารพิษและมีความโปร่งใสในการรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
งานรณรงค์ล้างสารพิษผลักดันให้แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกประกาศล้างสารพิษในกระบวนการผลิตของตน เช่น ยูนิโคล ซิสเลย์ เพลไรฟ์ ยูไนเต็ดคัลเลอร์ เบเนตอง วิคตอเรีย ซีเครต ลาเซนซา จี-สตาร์ วาเลนตีโน่ คูพ ไมกรอส คาเนปา ซีแอนด์เอ เอสปรี เอชแอนด์เอ็ม อินดีเทกซ์ ลีวายส์ ลิมิเต็ดแบรนด์ แมงโก้ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ และฟลาสรีเทลลิ่ง
ในประเทศไทย กรีนพีซผลักดันให้มีการจัดทำและเปิดเผยทำเนียบข้อมูลการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม รวมถึงผลักดันการแก้ปัญหาการปนเปื้อนสารพิษในแหล่งน้ำ เช่น กรณีห้วยคลิตี้ที่อุตสาหกรรมแต่งแร่ตะกั่วปล่อยสารตะกั่วจนทำให้เกิดการปนเปื้อนอย่างร้ายแรง และจากการรณรงค์อย่างต่อเนื่องโดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆและชุมชนคลิตี้ล่างที่ได้รับผลกระทบทำงานร่วมกัน สามารถประสบความสำเร็จในการผลักดันให้กรมควบคุมมลพิษให้คำมั่นที่จะฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนสารพิษ
งานรณรงค์ของเราในปี พ.ศ. 2556 ส่งเสริมให้มีการทำเกษตรกรรมเชิงนิเวศ โดยผลักดันให้รัฐบาลฟิลิปปินส์รับรู้ถึงวิธีการทำเกษตรกรรมที่สอดคล้องกับธรรมชาติซึ่งดีกว่าการทำเกษตรที่พึ่งพาสารเคมีและจีเอ็มโอ หรือการปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรม ในเดือนพฤษภาคม ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เราได้สร้างประวัติศาสตร์จากการที่ศาลสูงมีคำสั่งให้ยุติการทดลองปลูกมะเขือบีทีที่เป็นจีเอ็มโอ และศาลยังได้สั่งให้มีการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับการปนเปื้อนหรือได้รับผลกระทบจากการกระทำอันไม่รับผิดชอบในการทดลองครั้งนี้ คดีดังกล่าวนี้กรีนพีซเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อปี พ.ศ. 2555
5,097 คนมีส่วนร่วมในกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ ในปี 2556 โดยร้อยละ 29 เป็นอาสาสมัครที่ร่วมงานอย่างแข็งขันและเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆทั้งการเผชิญหน้าอย่างสันติวิธี การรณรงค์อย่างสร้างสรรค์ การประชุมอาสาสมัคร และช่วยงานในสำนักงาน
57,447 คน บริจาคเงินให้กรีนพีซอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งมีผู้สนับสนุนมากขึ้น เสียงของเรายิ่งเข้มแข็งมากขึ้น ทำให้การปกป้องสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งานของกรีนพีซลุล่วงไปได้นั้นต้องขอขอบคุณประชาชนหลายล้านคนทั่วโลกที่สนับสนุนทางการเงินให้กับเรา เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีผู้บริจาคทางการเงิน 57,447คนจากทุกสาขาอาชีพที่บริจาคอย่างต่อเนื่องเสมอมา การสนับสนุนทางการเงินทำให้เราสามารถรณรงค์เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของสิ่งแวดล้อม เราสามารถขับเคลื่อนงานรณรงค์ของเราด้วยการสำรวจ ตรวจสอบ บันทึกข้อมูล และผลักดันผู้กำหนดนโยบายให้ปกป้องสภาพภูมิอากาศ ป่าไม้ มหาสมุทร พื้นที่ชุ่มน้ำ และอาหารของเรา
กรีนพีซเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกเพียงแห่งเดียวที่มีนโยบายไม่รับทุนสนับสนุนจากบริษัทห้างร้านหรือรัฐบาลใด อิสรภาพทางการเงินของเราทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการเปิดโปงอาชญากรรมสิ่งแวดล้อมและเรียกร้องความรับผิดชอบและการชดใช้ให้กับสิ่งแวดล้อม
ในปี 2556 เราระดมทุนทั่วทั้งภูมิภาคได้ 142,881,000 บาท ในส่วนค่าใช้จ่ายเพื่องานรณรงค์ เราแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายของแต่ละงานรณรงค์ ดังนี้ ร้อยละ 50.2 เป็นค่าใช้จ่ายในการรณรงค์เพื่อปกป้องป่าไม้ ร้อยละ 18.2 ใช้ในการรณรงค์ปกป้องมหาสมุทร ร้อยละ 20.2 เพื่อกอบกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศและปฏิวัติพลังงานหมุนเวียน ร้อยละ 6 เพื่อการรณรงค์ด้านสารพิษ ร้อยละ 4.9 เพื่อเกษตรกรรมยั่งยืน และร้อยละ 0.5 สำหรับสนับสนุนกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานรณรงค์ อย่างเช่น งานรณรงค์ที่ต้องรับมือกับเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
กรีนพีซยึดมั่นในการให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและตรวจสอบได้ และลงนามในกฎบัตรแห่งความรับผิดชอบ INGO หรือ INGO Accountability Charter
หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรืออ่านรายงานการตรวจสอบบัญชีฉบับเต็มสามารถติดต่อฝ่ายดูแลผู้บริจาคของเราได้ที่ supporterservices.th@greenpeace.org